Daily Archives: มิถุนายน 7, 2011

Delicatessen: เมื่อโลกแตกก็หาอะไรกินยากหน่อย

ช่วงนี้รู้สึกจะดูหนังบ่อยเป็นพิเศษ คงเพราะเข้าช่วงหนังซัมเมอร์ด้วย
ไม่ว่าจะหนังโรง หนังแผ่นก็ดูหมด แล้วสงสัยช่วงนี้เกิดหิวอะไรขึ้นมา
ก็เลยอยากดูหนังเกี่ยวกับของกิน แต่แทนที่จะดูหนังอะไรที่จรรโลงกระเพาะ
ดันกลับไปเลือกหยิบดูหนังกินเนื้อคนอย่าง Delicatessen มาดูซะงั้น

Delicatessen เป็นหนังฝรั่งเศสของผู้กำกับ Jean-Pierre Jeunet และ Marc Caro
ใช่แล้วครับ หนังของผู้กำกับ Amelie อันโด่งดังนั่นเอง และนี่ก็เป็นหนังสร้างชื่อให้กับเขา

————————————————————————-

หนังเล่าเรื่องโลกหลังสงครามในอนาคต ที่โลกยับเยินไปแล้วเหลือแต่ซาก
ผู้คนที่เหลืออยู่ต้องเอาตัวรอด และในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง ซึ่งมี Clapet พ่อค้าเนื้อเป็นเจ้าของ
ต้องพยายามหาเนื้อมาเลี้ยงลูกบ้านอพาร์ทเมนต์ตัวเอง ซึ่งเนื้อที่หามาก็ไม่ได้มาจากไหน
ก็มาจากผู้เช่าใหม่ๆที่หลอกจ้างมาทำงาน แล้วก็มาขุนให้อ้วนก่อนจะจับมาเชือดให้ลูกบ้านกิน
แต่ผู้เช่าคนใหม่ Louison กลับมาหลงรัก Julie ลูกสาวของพ่อค้าเนื้อ ก็เลยได้ต่ออายุชีวิตออกไปอีก
แต่ลูกบ้านกำลังจะหิวตายเพราะอดเนื้อ ทีนี้พ่อค้าเนื้อจะหาเนื้อมาจากไหนกันล่ะเนี่ย

 

 
ฟังดูเหมือนจะเป็นหนังสยองขวัญ แต่ไม่ใช่ครับ นี่เป็นหนังตลกร้ายที่มีแต่คาแรกเตอร์เพี้ยนๆป่วนๆ
นอกจากตัวเอกทั้งสามแล้ว ก็มีตัวละครอย่างชายแก่ที่เปลี่ยนห้องใต้หลังคาเป็นห้องเลี้ยงกบและหอยทาก
คุณนาย Tapioca ที่พยายามจะฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่เคยจะสำเร็จ บุรุษไปรษณีย์ที่รักชอบจูลี่อย่างไม่ปิดบัง
สองพี่น้องที่ผลิตอุปกรณ์ที่ทำเสียงเหมือนแพะร้อง และสองเด็กจอมป่วนที่หาเรื่องไปได้ทั้งอพาร์ทเมนต์

รวมถึงตลกร้ายในการแบ่งโลกเป็น โลกของคนกินเนื้อ (บนดิน) และโลกคนกินมังสวิรัติ (ใต้ดิน)
ก็เป็นอะไรที่เข้าใจทำมาก ในขณะที่บนดินก็หิวเนื้อกันจัง ใต้ดินก็จะหิวข้าวโพดกันจังเลย

 

 
ซึ่งตัวละครเหล่านี้ ก็เป็นตลกร้ายในสถานการณ์ที่แต่ละคนพยายามจะหาของกินในโลกที่ยับเยินนี้
ซึ่งเมื่อเราดูไป เราก็จะตั้งคำถามแบบตลกๆเหมือนกันว่า ทำไมมันไม่กินสิ่งที่เห็นๆกันอยู่หว่า
อย่างชายแก่ที่เลี้ยง หอยทาก (เป็นอาหารประจำชาติฝรั่งเศส) ทำไมไม่กินหอยทากซะเลย
หรืออย่างคุณนายที่พยายามฆ่าตัวตาย ลูกบ้านก็เห็นๆอยู่ก็ไม่ปล่อยให้ฆ่าตัวตายไปซะเลยหว่า
หรืออย่างสองพี่น้องที่ทำอุปกรณ์ ที่เสี่ยงจะเจ็บตัวได้ตลอด ก็ชวนให้เสียวๆจะได้เนื้อมากิน
กระทั่งตัวไปรษณีย์ที่อ้วนท้วนดีเหลือเกิน ลูกบ้านบางคนอีก แม้กระทั่งตัวพ่อค้าเนื้อเองก็เถอะ
ซึ่งเป็นตลกร้ายที่จะขำก็ขำ จะขื่นก็ขื่น เพราะโลกยับเยินขนาดนี้ แต่ตัวละครก็ยังอยู่สมบูรณ์ดี

 

 
โดยที่เส้นเรื่องหลักคือ การพยายามหาเนื้อ กับภาวะความรักของ Louison และ Julie ที่มาขวาง
และเดินเรื่องผ่านโลกของความเพี้ยนป่วนของคาแรกเตอร์ตัวละครเหล่านี้ไปตลอดทาง
จุดเด่นที่เป็นเครื่องหมายของ Jeunet มาตลอดและนี่ก็คือจุดเริ่มต้นคือ งานอาร์ทและการใช้สี
เหมือนที่เราเห็นใน Amelie แม้นี่จะคือโลกที่ยับเยิน แต่เราก็จะเห็นความจัดจ้านของงานศิลป์ตลอดทาง
ทั้งการจัดวางองค์ประกอบและการใช้สีในทุกๆฉาก จะดูมีความมันส์ความสดของสีตลอดเวลา
ถึงจะเป็นโทนสีที่ขมุกขมัวตามโลกของหนัง แต่เรากลับไม่รู้สึกถึงความแห้งผากหรือความน่าหดหู่

 

 
หนังยังเล่าเรื่องอยู่ในพื้นที่เดียวคือ อพาร์ทเมนต์ร้านขายเนื้อของ Clapet
แต่กลับเล่าเรื่องโลกทั้งหมดได้อย่างครบถ้วนและสนุกสนานมาก เรียกว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า
ประกอบกับคาแรกเตอร์ที่ดูฉูดฉาดหลุดโลกทั้งหลาย ซึ่งก็เป็นอีกเครื่องหมายหนึ่งของ Jeunet
ทำให้การดูหนังเรื่องนี้ไม่มีอารมณ์ของความกดดันเลยสักนิด แต่ดูด้วยความสนุกและฮาไปตลอด
ซึ่งโดยความเห็นแล้ว ความตลกร้าย คาแรกเตอร์ งานอาร์ทและสี เป็นจุดเด่นที่สุดของหนังจริงๆ

และต้องยอมรับว่า ความโดดเด่นของทั้งสามจุดนี้ได้ช่วยปิดจุดอ่อนของหนังที่ยังมีอยู่ได้มาก
เพราะในความเป็นจริงหนังยังมีจุดอ่อนเรื่องการเล่าเรื่องอยู่บ้างใน การพาเรื่องราวให้เดินหน้า
เนื่องจากหนังค่อนข้างจะวนอยู่กับการเล่นสนุกกับคาแรกเตอร์ทั้งหลายไปสักหน่อย
เส้นเรื่องหลักที่ Clapet จะต้องหาเนื้อเลยดูจะตะกุกตะกักอยู่ เพราะมีตัวคาแรกเตอร์มาคั่นตลอด
คงไม่ผิดเท่าไหร่ถ้าจะให้การเล่นคาแรกเตอร์ ได้เชื่อมอะไรกับเส้นเรื่องหลักตรงนี้บ้าง
แต่ว่า หนังค่อนข้างจะสนุกกับตัวตนคาแรกเตอร์ไปสักนิดจนคนดูอาจจะลืมเรื่องหลักไปได้

 

 
นอกจากนั้น กว่าหนังจะพาเรื่องไปถึงจุดไคลแมกซ์ ก็ออกจะพา Curve ตรงนี้ไปไม่สวยเท่าไหร่
พอ Clapet หาเนื้อจะไม่ได้แล้ว และต้องการเนื้อ ดูเหมือนว่าหนังออกจะเดินเรื่องรวบรัดไปสักนิด
และการพา กลุ่มโทรโกลด์ (พวกกินข้าวโพด) เข้ามามีส่วนในเนื้อเรื่องก็ออกจะมาแบบมาดื้อๆ
คือ ไม่ค่อยได้ปูอะไรมามากพอ เป็นเหมือนกลุ่มที่จะมาช่วยพา Louison จากคำขอร้องของ Julie
ให้พ้นพ่อที่ต้องการเนื้อ Louison ไปให้ลูกบ้านมากกว่าจะมีบทบาทอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจริงๆ

ซึ่งจุดนี้ก็น่าเสียดายด้วยว่า หนังปูเรื่องโลกบนดินและใต้ดินได้น่าเล่นอะไรสนุกๆแล้ว
แต่ว่ากลุ่มโทรโกลด์ก็มาช่วงใกล้ท้ายๆเรื่องแล้ว และก็มาแนวขำและช่วยเหลือเพื่อแลกข้าวโพดแค่นั้น
ก็เข้าใจอารมณ์หนังอยู่ว่ามาในแนวทางตลกสนุก แต่ก็น่าจะเล่นอะไรได้อีกสักนิดก็ยังดี

 

 
นอกจากนั้น ตัวละครบางส่วนยังถูกทิ้งไปอย่างน่าเสียดายไม่น้อย ทั้งที่ใช้มาตลอดเรื่อง
สองพี่น้องนักทำอุปกรณ์เสียง ชายแก่เลี้ยงหอยทาก และมาดามที่ไม่เคยฆ่าตัวตายสำเร็จ
ดูเหมือนหนังจะเอามาใช้เพียงแค่ทำให้ขำขันมากกว่าจะให้มีบทบาทอะไรไปมากกว่านี้
ซึ่งออกจะน่าเสียดาย เพราะเอามาใช้แต่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้ แถมทำให้อารมณ์สะดุดบางช่วงด้วย

 

 
เรามาดูข้อดีข้อเสียของหนังกัน

ข้อดี
1. เป็นหนังตลกร้ายที่มีมุมมองต่อโลกในหนังที่จิกกัดได้แสบๆและสนุกสนาน
2. คาแรกเตอร์ตัวละครที่มีสีสัน ทำให้หนังดูสนุกอยู่ตลอดเวลาไม่มีช่วงเวลาที่น่าเบื่อ***
3. งานอาร์ทและการใช้สีที่โดดเด่น ที่ให้อารมณ์ตรงข้ามกับหนังได้อย่างประหลาดแต่ลงตัว
4. หนังฉลาดในการใช้พื้นที่เดียวแต่เล่าเรื่องทั้งโลกได้หมดอย่างครบถ้วน

ข้อเสีย
1. หนังเล่นสนุกกับตัวละครมากไปหน่อย จนบางตัวไม่ได้ใช้ประโยชน์กับเรื่องราวหลักอย่างน่าเสียดาย
2. หนังมีปัญหากับการเดินเส้นเรื่องหลักอยู่หน่อย ตอนไคลแมกซ์ที่จะหาเนื้อดูเหมือนจะรวบรัดเอาดื้อๆ
3. หนังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการแบ่งโลกบนดินและใต้ดินให้ดูมีเนื้อมีหนังเท่าไหร่

แม้ข้อเสียเหมือนจะมีใกล้กับข้อดี แต่ข้อดีของหนังนั้นต้องบอกว่าดีมากๆจนทำให้หนังดูสนุก
ข้อเสียนั้นเป็นเพียงส่วนที่น่าเสียดายว่าหนังน่าจะเล่นกับปมที่ตัวเองสร้างขึ้นไว้ได้มากกว่านี้หน่อย

เกรด B+ (คะแนน 8.2)
(ผมคงให้ B ถ้าหนังไม่สนุกเท่านี้ เพราะจุดข้อเสียก็สะดุดอารมณ์ตอนดูไปอยู่เหมือนกัน
แต่ว่าหนังสนุก โดยเฉพาะอย่างที่ผมกาดาวไว้ที่ข้อ 2 จึงให้เกรด B+ ไปครับ)